“ความรุนแรง” เพื่อใคร...?
.................................
ฆาตกรรมพระสุพจน์
“ความรุนแรง” เพื่อใคร...?
น ับตั้งแต่สายวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๔๘ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์ผู้ชันสูตรศพพบว่า พระสุพจน์ สุวโจ ได้ถึงแก่มรณภาพมาแล้วประมาณ ๘ – ๒๔ ชั่วโมง ดูเหมือนหลายสิ่งหลายอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
อย่างไม่มีวันหวนกลับ อย่างไม่มีวันย้อนคืน...
นายกิตติพัฒน์ และนางดาวเรือง ตลอดจนญาติมิตรในสายตระกูล “ด้วงประเสริฐ” ได้สูญเสีย บุตรหลาน-พี่น้อง ร่วมวงศ์วานว่านเครือผู้ซึ่ง ๑๓ ปีก่อนได้ตัดสินใจออกบวช ในฉายา “สุวโจ” โดยมุ่งหวังอุทิศทั้งชีวิตให้แก่งานพระศาสนา
หลังจากตระเตรียมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ให้ครอบครัวเล็กๆ ของ พ่อ-แม่ และน้องๆ อย่างพร้อมสรรพ ตามที่ตนมีกำลัง
กลุ่มเสขิยธรรม, กลุ่มพุทธทาสศึกษา และบรรดามิตรสนิท ในแวดวงแห่ง “การประยุกต์ใช้ธรรมะเพื่อแก้ปัญหาชีวิตและสังคมอย่างสมสมัย” ได้สูญเสียสดมภ์หลัก ผู้มากความสามารถ ทั้งด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เครือข่ายอินเตอร์เน็ต และการประยุกต์ศิลป์ ในรูปแบบของสื่อ ทั้งเว็บไซต์และสิ่งพิมพ์
พุทธศาสนิกชนร่วมสมัย ในฐานะผู้รับข้อมูลข่าวสาร สูญเสียโอกาสในการ เสพ-บริโภค “เนื้อหาสาระ” และ “รูปแบบ” ชนิด “ง่ายและงาม” จากผลงานระดับ “มืออาชีพ” ผู้ทำงานอุทิศตนอยู่ในกุฏิเล็กๆ ริมฝั่งห้วยงู ต้นลำน้ำฝาง โดยแทบมิเคยแสดง “ความมีอยู่” ของตัวเองต่อหน้าเวทีสาธารณะ ไม่มีแม้การประกาศชื่อ-ฉายา ของตนลงบนชิ้นงาน
ม ีเพียงไม่กี่คนในบรรดาผู้ใกล้ชิดเท่านั้น ที่ทราบว่าพระภิกษุพรรษา ๑๓ อายุ ๓๙ ปี ชื่อ พระสุพจน์ สุวโจ(ด้วงประเสริฐ)ผู้นี้ ได้เผยแผ่พระพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำสอนของ “พุทธทาสภิกขุ” แห่งสวนโมกขพลาราม อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ออกไปสู่สังคมในวงกว้างมากมายมหาศาลสักเพียงใด ทำงานหนักหนาสาหัสสักแค่ไหน เมื่อเทียบระยะเวลาเพียงสิบปีเศษของอายุในเพศบรรพชิตของท่าน
“ฆาตกร” หรือ “กลุ่มฆาตกร” ผู้ลงมือสังหาร ตลอดจน “ผู้บงการ” อยู่เบื้องหลัง ทราบบ้างหรือไม่ ว่ากระทำสิ่งใดลงไป และ “สิ่งนั้น” จะส่งผลเสียหายกว้างขวางสักเพียงไหน
และส่งผลกระทบสักเพียงใด...
ข ้าราชการ นักปกครอง นักการเมือง ตลอดจนสื่อมวลชน ทั้งในท้องถิ่น และส่วนกลาง หลายคน หลายสาขา ที่เอื้อนเอ่ยวาจาว่าร้าย หรือให้ความคิดเห็นตำหนิติเตียนผู้ตาย ด้วยจิตอันเนื่องอยู่ด้วยอกุศล หรือเนื่องอยู่ด้วยความอยุติธรรม ทั้งปราศจากการตรวจสอบ หรือความรับผิดชอบใดๆ จะทราบบ้างหรือไม่ ว่าสิ่งที่ตนสำราก หรือถ่มถุยออกมาด้วยจิตมุ่งหวังเอาชนะ หรือเมามันในอารมณ์ ได้ “ทำร้าย” หรือ “รังแก” พระภิกษุผู้จากไปอย่างปราศจากทางต่อสู้ หรือมีโอกาสถกเถียง มากมายสักเพียงไร...
บทความสั้นๆ ชิ้นนี้คงไม่มี “สาร” ใด “สื่อ” ไปถึงท่านผู้อ่าน
มากไปกว่าคำถามที่ว่า...
ถึงที่สุดแล้ว “ความรุนแรง” ระดับ “ถึงแก่ชีวิต” นั้นมีประโยชน์อันใด? และมีประโยชน์อย่างยั่งยืนต่อใคร?
“ผู้ตาย” และ “ผู้เกี่ยวข้อง” ต่าง “สูญเสีย” เหลือคณานับ...
“ผู้ฆ่า” เล่า?
ท่านและกลุ่มของท่าน “ได้” จริงละหรือ?
ถ้าใช่! จะ “ได้มาก” สักเศษเสี้ยวของความสามารถ หรือศักยภาพ ของ พระสุพจน์ สุวโจ ที่จะทำให้กับพระพุทธศาสนา(หากท่านผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่)ละหรือ?
ในโลกอันโหดเหี้ยมและแล้งร้ายยิ่งขึ้นทุกขณะ “เมล็ดพันธุ์แห่งความรุนแรง” ที่เราทั้งหลายพากัน “หลงผิด”เพาะหว่าน “ทุรยุค” ขึ้นมาต้นแล้วต้นเล่า
สังเกตกันบ้างหรือไม่? ว่าที่สุดแล้ว “อกุศล” เหล่านี้ “งอกงาม” อยู่ที่ใด?
0 Comments:
Post a Comment
<< Home