แม้ “ดี” ก็ต้องมี “เดี๋ยว” ไว้บ้าง...
...............................
การ์ตูนสัญลักษณ์(mascot) ขาว-ดำ ชื่อ “ดี” และ “เดี๋ยว” ตลอดจน ถ้อยคำ-น้ำเสียง-คำโฆษณา ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งปรากฏให้เห็นให้ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง ตามสื่อต่างๆ ในขณะนี้ แม้ด้านหนึ่งจะถูกทำให้เชื่อ ว่าน่าจะเป็นกิจกรรมกระตุกใจให้ฉุกคิด หรือกระตุ้นเร้าให้ “ทำความดี” โดยมีและใช้พื้นฐานทางพุทธธรรม และความเป็นสถาบัน “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” อาทิ การใช้ “วิสาขบูชา” เป็นวาระเปิดประเด็น ตลอดจนชี้ชวนให้ “คนไทย” ร่วมกันบำเพ็ญบารมีประกาศ “สัจจะอธิษฐาน” แบบ “๑ คน ๑ สัจจะ” จนกว่าจะถึงวโรกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเจริญพระชนมายุครบ ๘๐ พรรษา ในปี ๒๕๕๐ เป็นวันสิ้นสุดกิจกรรม
แต่เมื่อพิจารณากันให้ถี่ถ้วนแล้ว กรณี “ทำดีไม่ต้องเดี๋ยว” ข้างต้นนี้ออกจะเป็นเรื่องที่มีแง่มุมให้ตรึกตรองเกินกว่านั้นไปอีกมากมายนัก
ด้วยว่านี่เป็นครั้งแรกๆ ที่ภาครัฐประกาศปลุกเร้าให้คนในอาณัติ “ละทิ้งสติ” คือ ความระลึกได้ หรือความยับยั้งชั่งใจ ในเชิงศาสนา หรือกระบวนการด้าน คุณธรรม-จริยธรรม อย่างเต็มตัว และเต็มปากเต็มคำ
กล่าวคือ นี่เป็นครั้งแรกที่หน่วยงานของรัฐ “ยืนยัน” ต่อสาธารณะว่า “..ถ้าเห็นว่าสิ่งนี้ดี ก็จงอย่าได้รีรอให้เนิ่นช้า..” แม้จะมีอะไรน่า “สะดุดใจ” หรือชวนให้ “ฉุกคิด” ก็จงสลัดทิ้งไป เพราะนั่นอาจหมายถึง “เจ้ามารดำ” ชื่อ “เดี๋ยว” ที่บงการขัดขวาง “เจ้าตัวดี” (ตัวสีขาว)อยู่เบื้องหลัง
ก่อนหน้านี้แม้เคยมีกรณีที่บางวัดเชิญชวนให้ทีมงานและกลุ่มเป้าหมายในสายบุญของตน “ทุ่มเทบริจาค” ให้สุดจิตสุดใจ หรือกิจการในภาคเอกชนเชิญชวนให้ผู้คนลืมตัวเผลอใจ หันมาบริโภคสินค้าและบริการของตนอย่างงมงาย แต่ในฝ่ายรัฐ ดูจะปักหลักวางบทบาทไว้อย่างแจ่มชัด ว่าจะเป็นผู้ห้ามปราม, ตักเตือน และฉุดรั้ง ตลอดจนยับยั้งมิให้ “สังคม” ออกนอกลู่นอกทางจนเกินไปนัก ด้วยถือว่าการปกป้องและดูแล ตลอดจนเสริมสร้าง “ทำนองคลองธรรม” เป็นหน้าที่และภารกิจอันมิอาจละทิ้ง
หรือเป็นเพราะระยะนั้น “นายทุน” กับ “นักการตลาด” และ “นักการเมือง” ยังไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเช่นวันนี้ก็มิอาจทราบได้ เพราะในระยะสี่ห้าปีมานี้ ดูเหมือนว่ารัฐและหน่วยงานในกำกับ จะทำตัวสอดคล้องกับฝ่ายทุน โดยกระตุ้นเร้าผู้คนในปกครองอย่างน่าตระหนก เริ่มจากเร่งให้เสพ-บริโภค หลอกล่อให้หลงความทันสมัย(จนละทิ้งวิถีดั้งเดิม) เร้าใจให้ฟุ่มเฟือย ฯลฯ กระทั่งล่าสุดสมมติให้ “สติ” เป็น “มารดำ” ไปเสียอีก
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และจะกลายเป็น “หนังยาว” หากผู้เกี่ยวข้องยังละเลยการอธิบายความให้สอดคล้องและครอบคลุมกับสิ่งที่ตนคิดและทำ เพราะ “ดี” ไม่ต้อง “เดี๋ยว” ที่โฆษณาอยู่นั้น ไม่เพียงแต่จะเป็นการบ่อนเซาะฐานรากทางสังคม, ทุนวัฒนธรรม และโครงสร้างทางศีลธรรม-คุณธรรม-จริยธรรม ไปอย่างมักง่าย แต่ยังส่อแสดงการ “เปลี่ยนบทบาท” ของภาครัฐอย่างน่ารังเกียจยิ่ง กล่าวคือ จากที่เคยปกครองอย่างปกป้องและดูแลผลประโยชน์ประชาชน กลับหันมาบั่นทอนหรือทำลาย “เครื่องมือและกลไก” การ “ยับยั้งชั่งใจ” ของมหาชนเสียเอง
การบอกว่า ถ้า “ดี” ก็ไม่ต้อง “เดี๋ยว” จึงดูจะไม่ใช่แค่ “ปลุกให้ทำดีอย่างเดียว” ดังที่พยายามบอก เพราะดูเหมือนว่า นอกจาก “เดี๋ยว” ในเรื่อง “ทำดี” จะหายไปแล้ว นับวัน “เดี๋ยว” อื่นๆ (ซึ่งก็เหลืออยู่ไม่มากนัก)ก็จะตกตายไปตามกันไปอีกเรื่อยๆ
จึงอยากจะบอกไว้ว่า..
อย่า “หลงดี” ให้รัฐบาล “ฆ่าเดี๋ยว” กันต่อไปอีกเลย...